ทันหุ้น – โค้งสุดท้าย กองทุน LTF กูรูคาดเม็ดเงินหมื่นล้านไหลเข้าตลาดหุ้นไทย สแกน หุ้นเป้าสะสม PTTEP, AOT, BDMS, CPF, SCC, HMPRO, TOP, CPN, KBANK,RS , MAJOR , BCH และ LH
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ช่วงใกล้เทศกาลหยุดยาวของทางยุโรป และอเมริกา นักลงทุนต่างชาติน่าจะเริ่มชะลอการซื้อ-ขายลงดังนั้นเม็ดเงินที่จะเข้ามาพยุงดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยจึงจะเป็นเม็ดเงินจากกองทุน – สถาบันในประเทศ โดยเฉพาะกองทุนหุ้นระยะยาว หรือ LTF :Long Term Equity Fund ซึ่งจะมีเม็ดเงินลงทุนช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายอีกประมาณ 1 หมื่นล้านบาท
“ปกติจะมีเม็ดเงินเข้ามาในกองทุน LTF ปีละประมาณ 3-4 หมื่นล้านบาท แต่นี้แค่ช่วงปลายปีเราคาดว่าน่าจะมีเม็ดเงินไหลเข้ามาราวหมื่นล้านบาท และช่วยประคอง SET Index ในช่วงที่เหลือของปีนี้ได้”
ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยฯ คัดกรองหลักทรัพย์ที่นักลงทุนสถาบันฯ นิยมซื้อสะสมในช่วงโค้งสุดท้ายของปี ได้ 11หลักทรัพย์ดังนี้ PTTEP, AOT, BDMS, CPF, SCC, HMPRO, TOP, CPN, KBANK,และ LH โดยทั้งหมดเป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่กองทุนนิยมถือมากที่สุด
ในส่วนของฝ่ายวิเคราะห์แนะนำ “ทยอยสะสม” PTTEP ราคาเหมาะสม 159 บาท, BDMS ราคาเหมาะสม 28 บาท, CPN ราคาเหมาะสม 87 บาท และ LH ราคาเหมาะสม 12.20 บาท
@ปีหน้าไม่มีLTFเทขาย
นายวิจิตร ระบุ ต้นปี 2563 นี้จะไม่มีกองทุน LTF ที่ครบกำหนด เนื่องจากเม็ดเงินที่เข้าลงทุนในกองทุน LTF ตั้งแต่ปี 2558 นั้นหมดอายุไปเมื่อปี 2562 ขณะที่เม็ดเงินที่ลงทุนในกองทุน LTF ตั้งแต่ปี 2559 ถือเป็นปีแรกที่มีการยืดอายุกองทุน LTF ออกไปเป็น 7 ปี ดังนั้นกองทุนจึงไม่จำเป็นต้องเตรียมเงินไว้เผื่อสำหรับนักลงทุนที่ต้องการปิดบัญชีในปริมาณมากๆ
คาดว่ากองทุนฯ จะแบ่งเงินบางส่วนไว้เข้าลงทุนช่วงเดือนมกราคม และเมื่อปัจจัยในประเทศคลี่คลาย รัฐบาลสามารถเบิกจ่ายเม็ดเงินงบประมาณประจำปีได้ประมาณช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ การลงทุนทั้งภาครัฐ-เอกชนเริ่มขับเคลื่อน ประกอบกับปัจจัยกดดันจากต่าประเทศคลี่คลายลงคาดว่าเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศจะกลับเข้ามาอย่างมีนัยสำคัญ
@ RS-LH สถิติผลตอบแทนดี
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด (มหาชน) ระบุว่า แรงหนุนหุ้นไทยช่วงท้ายปี มีอยู่ 2 ส่วน คือ โอกาสที่จะเห็นแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบัน เพื่อทำ Window Dressing โดยมีแหล่งเงินจากการซื้อ LTF เป็นแรงหนุน ซึ่งจากสถิติ 5 ปีที่ผ่านมาพบว่าในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของปี จะเห็นอิทธิพลจากเรื่องนี้ชัดเจนที่สุด โดยมีมูลค่าเฉลี่ยสูงถึง 1.4 หมื่นล้านบาท โดยจากการคัดกรองหุ้นที่นักลงทุนสถาบันฯนิยมซื้อสะสมในช่วงโค้งสุดท้ายของปี
ประกอบด้วย RS ซึ่งให้ผลตอบแทนช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของปีเฉลี่ยที่ 4.19% ความน่าจะเป็น 80% LHซึ่งให้ผลตอบแทนช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของปีเฉลี่ยที่ 3.84% ความน่าจะเป็น 100% MAJOR ซึ่งให้ผลตอบแทนช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของปีเฉลี่ยที่ 2.29% ความน่าจะเป็น 80% CPF ซึ่งให้ผลตอบแทนช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของปีเฉลี่ยที่2.03% ความน่าจะเป็น 60% และ BCH ซึ่งให้ผลตอบแทนช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของปีเฉลี่ยที่ 0.67% ความน่าจะเป็น 60%
ซึ่งหุ้นเหล่านี้มีสัดส่วนในกองทุน LTF และ ราคาหุ้นมักจะปรับตัวขึ้นได้ดีในช่วงท้ายของปี
ขอขอบคุณ source : www.thunhoon.com
Comments